copthai tv
ออร์โธปิดิกส์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ บันทึกข้อตกลงความร่วมมือ เมดโทรนิค เปิดศูนย์ฝึกอบรมการผ่าตัดโรคทางด้านกระดูกสันหลัง
ภาควิชาออร์โธปิดิกส์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ร่วมกับเมดโทรนิค เปิดศูนย์ฝึกอบรมการผ่าตัดโรคทางด้านกระดูกสันหลัง
วันนี้ (1 เมษายน 2567) ภาควิชาออร์โธปิดิกส์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับบริษัท เมดโทรนิค (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกันลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เปิดตัว “ศูนย์ฝึกอบรมการผ่าตัดโรคทางด้านกระดูกสันหลัง” บ่มเพาะเป็นสถานที่ฝึกอบรมและให้ความรู้เฉพาะทางแก่แพทย์ พยาบาล และบุคลากรการแพทย์จากประเทศไทยและภาคพื้นอาเซียน โดยพิธีลงนามจัดขึ้น ณ ห้องประชุม 1201 โซน A ชั้น 12 อาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย
รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ คณบดี คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ และผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยได้เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์แบบ ซึ่งสอดคล้องกับในหลายประเทศทั่วโลกที่มีจำนวนผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้น สวนทางกับอัตราการเกิดที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด เช่นเดียวกันกับประเทศไทยที่มีจำนวนเด็กเกิดใหม่ค่อนข้างต่ำ เพียง 600,000 กว่าคนต่อปีเท่านั้น ทำให้ 3 ปีที่ผ่านมาประเทศไทยมีจำนวนผู้สูงวัยอายุ 60 ปีขึ้นไปมากกว่าเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ซึ่งโรคที่พบบ่อยในผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป และเป็นหนึ่งในปัญหาสุขภาพของผู้สูงอายุที่ต้องเผชิญคือ ภาวะโรคกระดูกและข้อ ที่ส่งผลให้ผู้ป่วยสูงวัยมีคุณภาพชีวิตที่ไม่ดี นอกจากนี้สถานการณ์โรคที่เกี่ยวข้องกับ “กระดูกสันหลัง” และ “ระบบประสาท” ในประเทศไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี โดยเฉพาะในกลุ่ม “มนุษย์ออฟฟิศ” ที่ต้องเร่งรีบในการทำงาน หรือนั่งทำงานเป็นเวลานาน โดยไม่มีการเปลี่ยนอิริยาบถ พบสูงสุดในกลุ่มอาชีพรับจ้างทั่วไป, พนักงานเอกชน รองลงมาคือ กลุ่มทำงานภาคเกษตรกรรม โดยพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย ช่วงอายุที่พบมากคือ 45-54 ปี รองลงมาช่วงอายุ 55-64 ปี ดังนั้นการรักษาโรคทางด้านกระดูกสันหลัง จึงเป็นสาขาทางการแพทย์ที่มีความต้องการบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญมากขึ้น เพื่อให้บริการที่มีคุณภาพแก่ผู้ป่วยในประเทศไทยและภาคพื้นอาเซียน จึงนำมาซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้เพื่อพัฒนาศูนย์ฝึกอบรมที่มุ่งเน้นการรักษาโรคทางด้านกระดูกสันหลังและเสริมสร้างสุขภาพของประชาชน
รศ.นพ.ฉันชาย กล่าวว่า โรคทางด้านกระดูกสันหลัง ถือเป็นปัญหาสาธารณสุขและมีผลต่อภาระทางเศรษฐกิจและสังคมอื่นๆ ตามมา ดังนั้นในฐานะที่คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ เป็นโรงเรียนแพทย์ที่มีองค์ความรู้และความสามารถในการเรียนการสอน ผลิตบุคลากรทางการแพทย์ที่มีคุณภาพในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยมีนโยบายสนับสนุนการเปิดศูนย์การอบรมทางวิชาการต่างๆ เพื่อให้แพทย์ที่สำเร็จการศึกษาไปแล้วได้กลับเข้ามารับความรู้ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องผ่านหลากหลายช่องทางการเรียนรู้ที่พัฒนาไปอย่างไม่หยุดยั้ง ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้นับว่าเป็นโอกาสอันดีอย่างยิ่งที่คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ และบริษัท เมดโทรนิค (ประเทศไทย) จำกัด ได้ร่วมมือในการพัฒนา “ศูนย์ฝึกอบรมการผ่าตัดโรคทางด้านกระดูกสันหลัง” เพื่อเพิ่มศักยภาพและประสบการณ์การเรียนรู้ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ ในการรักษาโรคทางด้านกระดูกสันหลังเพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และมีเป้าหมายร่วมกันที่จะเป็นสถาบันต้นแบบทางการแพทย์ เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ทั้งในและต่างประเทศที่ได้มาตรฐานในระดับสากล
ด้าน รศ.นพ.วิชาญ ยิ่งศักดิ์มงคล หัวหน้าภาควิชาออร์โธปิดิกส์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า ในยุคที่สังคมกำลังเผชิญกับผู้สูงอายุที่เพิ่มมากขึ้น เราทุ่มเทในการก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านออร์โธปิดิกส์ที่เน้นการรักษาที่มีประสิทธิภาพและยกระดับการให้บริการที่มีคุณภาพ เพื่อรองรับกับการที่ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มตัวในอนาคต ทางภาควิชาออร์โธปิดิกส์ คณะแพทยศาสตร์ได้ให้ความสำคัญในการเตรียมความพร้อมในการดูแลรักษาโรคทางด้านกระดูกสันหลัง เรามุ่งมั่นที่จะพัฒนานิสิตแพทย์ให้มีความรู้ทางทฤษฎีและปฏิบัติที่ตรงกับมาตรฐานทางวิชาชีพ โดยให้ความสำคัญกับการประยุกต์ใช้ความรู้ และเทคโนโลยีที่ทันสมัยในการดูแลผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับกระดูกสันหลัง รวมถึงการให้บริการที่มีคุณภาพและเน้นความมีส่วนร่วมของผู้ป่วย เราพยายามอย่างไม่หยุดยั้งในการพัฒนาและเป็นผู้นำทางด้านการรักษาโรคด้านกระดูกสันหลังเพื่อการรักษาที่มีคุณภาพและมาตรฐานระดับสากล ด้วยความพร้อมของภาควิชาออร์โธปิดิกส์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ทั้งในด้านความรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ในการรักษาที่ทันสมัย การเปิดตัว “ศูนย์ฝึกอบรมการผ่าตัดโรคทางด้านกระดูกสันหลัง” นั้น จึงเป็นอีกหนึ่งความก้าวหน้าสำคัญของภาควิชาในการนำองค์ความรู้ที่มีมาพัฒนาแพทย์ในประเทศไทยและภาคพื้นอาเซียน ตามวิสัยทัศน์ “เพื่อการเป็นผู้นำด้านออร์โธปิดิกส์ชั้นนำของประเทศที่ให้ความรู้ด้านทฤษฎีและภาคปฏิบัติแก่นิสิตแพทย์ บัณฑิตแพทย์ และแพทย์ประจำบ้านอย่างมีประสิทธิผล โดยมุ่งให้บริการ ด้วยคุณธรรมและจริยธรรมตามมาตรฐานวิชาชีพและสร้างงานวิจัยที่ตอบสนองความต้องการของสังคม”
ปัจจุบัน ทางภาควิชาออโธปิดิกส์ และโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย กำลังค้นคว้าวิจัย การนำเทคโนโลยีระบบหุ่นยนต์ช่วยนำทาง มาช่วยในการรักษาโรคทางกระดูกสันหลังด้วยการผ่าตัดแผลเล็ก เพื่อศึกษาถึงประโยชน์และความปลอดภัยในการนำเทคโนโลยีมาช่วยในการรักษาผู้ป่วย และหากการศึกษาวิจัยครั้งนี้ประสบความสำเร็จ ก็จะช่วยยกระดับการรักษาโรคทางกระดูกสันหลังของประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียนได้ดียิ่งขึ้น
การร่วมมือครั้งนี้เป็นความภูมิใจที่จะนำเสนอการเรียนรู้ ที่ทำให้บุคลากรทางการแพทย์ สามารถได้รับองค์ความรู้ พัฒนาทักษะการทำหัตถการและการใช้เครื่องมือที่มีเทคโนโลยีการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงและทันสมัย ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด มอบประสบการณ์ในการเรียนรู้ และเพิ่มโอกาสการเข้าถึงการอบรมที่มีคุณภาพของคณาจารย์จากภาควิชาออร์โธปิดิกส์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ร่วมกับบริษัทเมดโทรนิค ที่เป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยีเครื่องมือแพทย์ ในการเพิ่มจำนวนแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านให้มากขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ ต่อยอดไปยังการเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงให้กับผู้ป่วยให้มากยิ่งขึ้นด้วย
ทางด้าน Mr. Paul Verhulst Vice President, Mainland Southeast Asia, Medtronic PLC. กล่าวว่า ในฐานะที่เมดโทรนิคเป็นผู้นำเทคโนโลยีด้านการดูแลสุขภาพและมีศักยภาพในการสนับสนุนอย่างสร้างสรรค์และยั่งยืน เรามีความมุ่งมั่นในการแก้ไขความท้าทายทางด้านสุขภาพ ในการบรรเทาความเจ็บปวดจากโรคภัยต่างๆ ส่งเสริมให้ประชากรทุกคนมีสุขภาพที่ดีและมีชีวิตที่ยืนยาว ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544
“กว่า 23 ปีที่เมดโทรนิคได้ดำเนินธุรกิจในประเทศไทย บริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกับภาครัฐและผู้ให้บริการด้านสุขภาพในทุกภาคส่วน ผ่านหลากหลายโครงการความร่วมมือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยชั้นนำทางการแพทย์และสาธารณสุข ในด้านการส่งเสริมการถ่ายทอดเทคโนโลยี การอบรมบุคลากรที่มีคุณภาพในการทำหัตถการที่มีความซับซ้อน เพิ่มบุคลากรที่มีความรู้และทักษะไปยังภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ เพิ่มการเข้าถึงการรักษาที่ทันสมัยให้กับประชาชน ขับเคลื่อนนวัตกรรมผ่านงานวิจัย ยกระดับศูนย์ฝึกอบรมการผ่าตัดในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ซึ่งล้วนถือเป็นการขับเคลื่อนการพัฒนาของระบบสาธารณสุขของประเทศไทยให้อยู่ในระดับสากล และในปี พ.ศ. 2567 นี้ เมดโทรนิค ประเทศไทย จึงมีเป้าหมายที่จะร่วมมือกับภาควิชาออร์โธปิดิกส์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ในการร่วมกันจัดตั้ง “ศูนย์ฝึกอบรมการผ่าตัดโรคทางด้านกระดูกสันหลัง”ขึ้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและการเข้าถึงการเรียนรู้สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ทั้งในและต่างประเทศ” Mr. Paul Verhulst กล่าว
“ทั้งนี้ทางบริษัทฯ มีความยินดี และพร้อมจะสนับสนุนโครงการความร่วมมือ ในการพัฒนาองค์ความรู้ลักษณะนี้กับทุกสถาบัน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศไทย ทั้งทางด้านการศึกษา การแพทย์ และสังคมไทย และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการพัฒนาระบบสาธารณสุขไทยอย่างยั่งยืน และเพิ่มการเข้าถึงเทคโนโลยีสุขภาพของประชาชนไทยได้มากขึ้นในอนาคต” Mr. Paul Verhulst กล่าวทิ้งท้าย
นอกจากนี้ คุณสุชาดา ธนาวิบูลเศรฐ, Senior Country Director บริษัท เมดโทรนิค (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเมดโทรนิค ให้ความสำคัญกับคนไข้เป็นอันดับแรก โดยมุ่งเน้นในการพัฒนาเทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อใช้ในการผ่าตัดได้อย่างแม่นยำและปลอดภัย ยกระดับศักยภาพในการผ่าตัดของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาที่มีประสิทธิภาพและมีคุณภาพสูงสุด
นอกจากการพัฒนาทักษะของบุคลากรทางการแพทย์ที่เราให้ความสำคัญแล้ว เมดโทรนิคยังมีการพัฒนาเทคโนโลยีเครื่องมือแพทย์ เพื่อช่วยในการวินิจฉัยโรคที่แม่นยำมากขึ้นและเพิ่มความปลอดภัยในการผ่าตัดให้ดียิ่งขึ้น เรามีการนำระบบหุ่นยนต์ช่วยนำทาง(Robotic Guidance System) และเครื่องช่วยผ่าตัดนำวิถี (O-arm Navigation) ซึ่งเป็นเครื่องสแกนกระดูกสันหลังในขณะผ่าตัด และสร้างภาพกระดูกสันหลังเป็นภาพทั้ง 2 มิติและ 3 มิติ ที่จะช่วยระบุบพิกัดบนภาพสแกนอวัยวะของผู้ป่วยเพื่อประกอบการตัดสินใจของแพทย์ที่จะนำไปสู่การรักษาที่ปลอดภัยมากขึ้น การแสดงผลภาพที่ชัดเจน จะทำให้แพทย์สามารถระบุตำแหน่งของเครื่องมือที่ใส่ ระยะใกล้ไกลเส้นประสาทหรือไขกระดูกสันหลังได้อย่างแม่นยำ สามารถเอ็กซ์เรย์ในห้องผ่าตัดได้โดยไม่ต้องเคลื่อนย้ายคนไข้ ช่วยยกระดับการรักษาโรคทางกระดูกสันหลังด้วยการผ่าตัดแผลเล็ก (Minimally Invasive Surgery) ทำให้คนไข้ฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
ความร่วมมือจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมการผ่าตัดกระดูกสันหลังในครั้งนี้ได้ช่วยส่งเสริมการพัฒนาทักษะทางด้านผ่าตัดกระดูกสันหลังที่มีความซับซ้อน ให้มีผลลัพธ์ทางการรักษาที่ดีแก่ผู้ป่วย ผ่านการถ่ายทอดความรู้ให้กับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และบุคลากรทางด้านสาธารณสุขทั้งในประเทศและภูมิภาคอาเซียน ให้มีทักษะการผ่าตัดที่ก้าวหน้าเพิ่มขีดความสามารถของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญให้พร้อมรับมือกับโรคกระดูกสันหลังที่มีความท้าทายยิ่งขึ้น เพิ่มจำนวนบุคลากรมีความเชี่ยวชาญในภูมิภาค ลดการพึ่งพาผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ พัฒนาระบบการดูแลสุขภาพในประเทศ เพิ่มการเข้าถึงการรักษาได้ทันท่วงที การทำงานร่วมกันเหล่านี้ได้ส่งผลกระทบเชิงบวกอย่างมากต่อการรักษาโรคกระดูกสันหลังทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
คณะวิทย์ ม.รามคำแหง จัดอบรม “การผลิตผ้าพิมพ์ลายจากสีธรรมชาติขั้นสูง (Advanced Eco Printing)” สนับสนุนแผนงานการท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ บพข
บพข. และ ม.รามคำแหง ร่วมกับสมาคมวิทยาศาสตร์ทางทะเลแห่งประเทศไทย, UNDP, MICE, สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวเกาะเต่า และเครือข่ายประชาคม 21 เกาะ สานเสวนาผู้นำเกาะยั่งยืน (Sustainable Islands’ Leadership Forum) ดันสู่การท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์
บพข. และมหาวิทยาลัยรามคำแหง ร่วมกับสมาคมวิทยาศาสตร์ทางทะเลแห่งประเทศไทย, UNDP, MICE, สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวเกาะเต่า และเครือข่ายประชาคม 21 เกาะ จัดประชุมสานเสวนาผู้นำเกาะยั่งยืน (Sustainable Islands’ Leadership Forum) เพื่อมุ่งสู่การท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์
เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2567 แผนงานการท่องเที่ยวบนฐานมรดกทางธรรมชาติ การท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และการท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ ภายใต้แผนงานกลุ่มการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ บพข. ที่ดำเนินงานโดยผู้ช่วยศาสตราจารย์สุภาวดี โพธิยะราช ผู้เชี่ยวชาญอาวุโส สกสว. และประธานคณะอนุกรรมการฯ ร่วมกับมหาวิทยาลัยรามคำแหง สมาคมวิทยาศาสตร์ทางทะเลแห่งประเทศไทย โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) สำนักส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (MICE) ภาคใต้ และสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวเกาะเต่า จัดประชุมสานเสวนาผู้นำเกาะยั่งยืน (Sustainable Islands’ Leadership Forum) เพื่อระดมความคิดเห็น และกำหนดกรอบทิศทางการขับเคลื่อน เพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวเกาะอย่างยั่งยืน ภายใต้กระบวนการมีส่วนร่วมของประชาคมชาวเกาะ และแลกเปลี่ยนสถานการณ์ทิศทางความต้องการของการพัฒนาเกาะในประเทศไทยที่เหมาะสมตามอัตลักษณ์เฉพาะของวิถีชาวเกาะแต่ละภูมิภาค ณ โรงแรมบรรจงบุรี อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี การเสวนาครั้งนี้เป็นการดำเนินการต่อเนื่องตามข้อตกลงในปฏิญญาเกาะเต่าในประเด็นการจัดทำแผนและดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวเกาะอย่างยั่งยืน และมุ่งสู่คาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์
รองศาสตราจารย์ ดร.ธรรมศักดิ์ ยีมิน กลุ่มวิจัยความหลากหลายทางชีวภาพในทะเล ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง นายกสมาคมวิทยาศาสตร์ทางทะเลแห่งประเทศไทย และผู้อำนวยการแผนงานท่องเที่ยวบนฐานมรดกทางธรรมชาติ การท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และการท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ บพข. บรรยายพิเศษ เรื่อง การบริหารจัดการการท่องเที่ยวทางทะเลคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ โดยมี คุณเรอโน เมแยร์ ผู้แทนโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) ประจำประเทศไทย กล่าวต้อนรับและให้มุมมองแก่ผู้ร่วมงานเสวนา คุณณรงค์ พรหมจิตต ผู้แทนการตลาด สำนักส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (MICE) ภาคใต้ นำเสนอข้อมูลอุตสาหกรรมไมซ์กับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในพื้นที่ และได้รับการสนับสนุนจากคุณรำลึก อัศวชิน นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวเกาะเต่า คุณรัฎดา ลาภหนุน และคุณศิราณี อนันตเมฆ ที่ปรึกษาด้านการท่องเที่ยวสร้างสรรค์อย่างยั่งยืน
ผู้นำประชาคมชาวเกาะ 21 เกาะ ประกอบด้วย เกาะช้าง เกาะกูด เกาะหมาก เกาะทะลุ เกาะพิทักษ์ เกาะพะลวย เกาะพยาม เกาะภูเก็ต เกาะราชา เกาะลันตา เกาะคอเขา เกาะยาวใหญ่ เกาะยาวน้อย เกาะหลีเป๊ะ เกาะพีพี เกาะปู เกาะจัม เกาะลิบง เกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า ได้ร่วมกันทบทวน วิเคราะห์ปฏิญญาเกาะเต่าที่มีความมุ่งมั่นต่อการพัฒนาการท่องเที่ยวเกาะอย่างยั่งยืน และมุ่งสู่การท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ รวมทั้งเสวนาแลกเปลี่ยน โอกาส ข้อจำกัด ทิศทางการพัฒนาเกาะอย่างยั่งยืน และกำหนดทิศทางการพัฒนาการท่องเที่ยวเกาะอย่างยั่งยืนในภาพรวมของประเทศไทย
ข้อเสนอแนะที่ได้จากการเสวนาครั้งนี้จะเสนอต่อการประชุมเชิงปฏิบัติการ เพื่อจัดทำแผนปฏิบัติการตามประกาศปฏิญญาเกาะเต่า เพื่อการท่องเที่ยวเกาะอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม “ภายใต้กิจกรรมจัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจคาร์บอนในแหล่งท่องเที่ยวชุมชน” ระหว่างวันที่ 26 - 27 มีนาคม 2567 ณ โรงแรมบรรจงบุรี อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งดำเนินการโดยกรมการท่องเที่ยว
พัฒนา สปอร์ต รีสอร์ท ลั่น! มุ่งสู่ความเป็นเลิศศูนย์การกีฬาแบบครบวงจร แถลงเปิดปฏิทินการแข่งขันกอล์ฟ 3 รายการ สุดยิ่งใหญ่ประจำปี 67
แชฟฟ์เลอร์ ประเดิมศูนย์ฝึกอบรมเทคนิคเคลื่อนที่ครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ “เร็พ เอ็กซ์เพิร์ด องค์ความรู้สู่ความสำเร็จ(REPXPERT - Knowledge for Your Success)”
แชฟฟ์เลอร์ เปิดตัวศูนย์ฝึกอบรมเทคนิคเคลื่อนที่ครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
“เร็พ เอ็กซ์เพิร์ด องค์ความรู้สู่ความสำเร็จ (REPXPERT - Knowledge for Your Success)”
แผนกอะไหล่ทดแทนของแชฟฟ์เลอร์ (Schaeffler Automotive Aftermarket) ผู้นำด้านการคิดค้นพัฒนาเทคโนโลยีการขับเคลื่อน พร้อมเปิดตัวศูนย์ฝึกอบรมเทคนิคเคลื่อนที่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออก เฉียงใต้ โดยจะเริ่มออกเดินสายครั้งแรกในประเทศไทย โครงการนำร่องนี้จะให้ความช่วยเหลือด้านข้อมูลและองค์ความรู้งานซ่อมระดับ (OEM) ชั้นยอดแก่อู่ซ่อมรถอิสระที่นับวันจะมีแต่ความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น
นายชัชวาล ส้มจีน ผู้อำนวยการ แผนกอะไหล่ทดแทน แชฟฟ์เลอร์ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า “ศูนย์ฝึกอบรมเทคนิคเคลื่อนที่ เร็พ เอ็กซ์เพิร์ด (REPXPERT) จะเดินสายนำเอาองค์ความรู้ขั้นสูงและทักษะงานซ่อมระดับหน้างานจริงของระบบส่งกำลัง (Transmission) ของแบรนด์ ลุค (LuK) ระบบเครื่องยนต์ (Engine) ของแบรนด์ อีน่า (INA) และระบบช่วงล่าง (Chassis) ของแบรนด์เอฟเอจี (FAG) ส่งถึงหน้าประตูของอู่ซ่อมรถอิสระมากกว่า 4,000 ราย ครอบคลุม 40 เส้นทางหลักตลอดทั่วทั้งประเทศไทย”
ศูนย์ฝึกอบรมเทคนิคเคลื่อนที่ เร็พ เอ็กซ์เพิร์ด ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อสร้างประสบการณ์เรียนรู้ร่วมกันระหว่างแชฟฟ์เลอร์และช่างอู่ซ่อมรถ โดยช่างอู่ซ่อมรถที่เข้าร่วมการฝึกอบรมเทคนิคในครั้งนี้จะได้รับประสบการณ์โซลูชันซ่อมแบบครบวงจรของแชฟฟ์เลอร์ภายใต้แบรนด์ลุค อีน่า และเอฟเอจี ได้เรียนรู้จากช่างพี่เลี้ยงที่มีคุณวุฒิ อีกทั้งยังเป็นการเสริมสร้างสายสัมพันธ์ระหว่างชุมชนอู่ซ่อมรถเพื่อให้ไม่พลาดข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ เพื่อให้สามารถก้าวไปสู่ความเป็นผู้เชี่ยวชาญและสร้างความไว้วางใจกับลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น
แผนกอะไหล่ทดแทนของแชฟฟ์เลอร์ (Schaeffler Automotive Aftermarket) มีความมุ่งมั่นที่จะใช้โครงการนำร่องนี้เพื่อเตรียมตัวช่างซ่อมให้สามารถรับมือกับพัฒนาการทางเทคโนโลยีในโลกแห่งอนาคตได้ นอกจากโครงการศูนย์ฝึกอบรมเทคนิคเคลื่อนที่เร็พ เอ็กซ์เพิร์ดแล้ว ยังมีระบบพอร์ทัล เร็พ เอ็กซ์เพิร์ดสำหรับอู่ซ่อมรถ (Garage portal REPXPERT) ที่ผ่านการออกแบบมาเพื่ออู่ซ่อมรถอิสระที่จะทำหน้าที่เป็นสื่อกลางให้ข้อมูลและบริการต่าง ๆ ของแบรนด์ ลุค อีน่า และเอฟเอจี ของแชฟฟ์เลอร์ทั้งหมด ในรูปแบบเว็บไซต์และแอปพลิเคชันมือถือ เพื่อการเข้าถึงข้อมูลที่จำเป็น ได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว และเป็นมิตรต่อผู้ใช้ สามารถดาวโหลดแอปพลิเคชัน REPXPERT ฟรีได้ทั้ง iOS และ แอนดรอยด์ โดยสามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://aftermarket.schaeffler.co.th/th/repxpert-garage-portal
โดยในงานเปิดตัวศูนย์ฝึกอบรมเทคนิคเคลื่อนที่ เร็พ เอ็กซ์เพิร์ด อย่างเป็นทางการ ได้รับเกียรติจากผู้บริหารแชฟฟ์เลอร์เข้าร่วมงานดังนี้ นายกอราฟ มิชรา ผู้จัดการบริหารส่วนงานวางแผน พัฒนา และจัดวางกลยุทธ์ธุรกิจ แผนกอะไหล่ทดแทนประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก นายไมก้า เชฟพาร์ด ประธานบริหารแผนกอะไหล่ทดแทน ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และประธานบริหารประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นายชัชวาล ส้มจีน ผู้อำนวยการ แผนกอะไหล่ทดแทน ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นางสาวศิลัดดา ทับปิ่นทอง ผู้จัดการบริหารส่วนงานธุรกิจออนไลน์และการตลาด แผนกอะไหล่ทดแทนประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และนางสาวมณธิญา ถนอมทรัพย์ ผู้จัดการฝ่ายขาย แผนกอะไหล่ทดแทนประจำประเทศไทย
แชฟฟ์เลอร์ กรุ๊ป – We pioneer motion
แชฟฟ์เลอร์ กรุ๊ป เป็นผู้สร้างแรงผลักดันในการคิดค้นและพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีการขับเคลื่อน (Groundbreaking) มาตลอด 75 ปี เพียบพร้อมทั้งด้านนวัตกรรมเทคโนโลยี ผลิตภัณฑ์ และบริการระบบยานยนต์ไฟฟ้า (Electric mobility) ระบบขับเคลื่อนปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำ (CO₂-efficient drives) โซลูชันสำหรับระบบช่วงล่าง อุตสาหกรรม 4.0 การเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล (Digitalization) และพลังงานสะอาด ทำให้เราเป็นหนึ่งในคู่ค้าที่มีความน่าเชื่อถือในการพัฒนาระบบการขับเคลื่อนให้มีประสิทธิภาพ มีความชาญฉลาด และมีความยั่งยืนตลอดทั้งอายุการใช้งาน เราขับเคลื่อนเทคโนโลยีการผลิตชิ้นส่วนและระบบที่มีความแม่นยำสูงสำหรับระบบขับเคลื่อน (drive train) และระบบช่วงล่าง (แชสซี) รวมถึง ตลับลูกปืนหลายชนิด เหมาะสำหรับการใช้งานในอุตสาหกรรมหลากหลายประเภท ในปี พ.ศ. 2566 แชฟฟ์เลอร์ กรุ๊ป ทำยอดขายได้ 16,300 ล้านยูโร โดยมีพนักงานมากถึง 83,400 คน แชฟฟ์เลอร์เป็นหนึ่งในบริษัทดำเนินธุรกิจแบบครอบครัวที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของโลก และเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีนวัตกรรมมากที่สุดในเยอรมนี
แผนกอะไหล่ทดแทนเป็นผู้รับผิดชอบในส่วนธุรกิจอะไหล่ระดับโลกของแชฟฟ์เลอร์ นอกจากนี้ ยังเป็นผู้รับผิดชอบส่งมอบชิ้นส่วนและคิดค้นโซลูชันการซ่อมที่ครอบคลุมสำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคล รถแทรกเตอร์ รวมถึงรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ขนาดเล็กและขนาดใหญ่ (Light and heavy commercial vehicle) แชฟฟ์เลอร์มีความเข้าใจและเชี่ยวชาญในระบบส่งกำลัง (Transmission system) ระบบเครื่องยนต์ (Engine system) และระบบช่วงล่าง (Chassis system) ทำให้แชฟฟ์เลอร์เป็นที่รู้จักและยอมรับในงานด้านเทคนิคโซลูชันอัจฉริยะ และงานบริการที่ไม่เป็นรองใคร ในปี พ.ศ. 2565 แผนกอะไหล่ทดแทนของแชฟฟ์เลอร์มียอดขายมากกว่า 2 พันล้านยูโร โดยมีพนักงานมากกว่า 1,700 คน มีคู่ค้าประมาณ 11,500 ราย และมีสำนักงานขายและสำนักงานตัวแทนมากกว่า 70 แห่ง ทั่วโลก ทำให้มั่นใจว่าเราจะสามารถเข้าถึงลูกค้าได้อย่างสมบูรณ์แบบ